หากจำเป็นต้องจอดรถกลางแจ้ง ไม่ต้องยกขาก้านปัดน้ำฝนขึ้น เพราะนอกจากไม่ได้ช่วยยืดอายุใบปัดแล้ว ยังทำให้สปริงในก้านที่ปัดน้ำฝนล้า ปัดแย่ยิ่งกว่าเดิม !
เพราะใบปัดน้ำฝนที่ทำจากยาง ไม่ว่าคุณภาพดี และแพงแค่ไหน ก็ต้องเสื่อมสภาพด้วยกันทั้งนั้น จะยกใบปัดขึ้น ไม่ให้ถูกกระจก หรือไม่ยกเลย อายุการใช้งานของใบปัดก็ไม่ต่างกัน เพราะใบปัดน้ำฝนจะมีอายุประมาณ 1 ปีเศษๆ ถ้าเริ่มปัดแล้วไม่เกลี้ยง รีบเปลี่ยนใหม่ได้เลย เดี๋ยวนี้ขายกันอยู่ใบละกี่ร้อยกว่าบาทเท่านั้น
การยกขาก้านปัดค้างไว้นานๆ ยังส่งผลกระทบต่อสปริง ที่เหนี่ยวรั้งก้านใบปัดให้แนบชิดสนิทกับกระจกด้วย ซึ่งก้านเหล่านี้รับแรงมาจากลิงค์คันโยก และมอเตอร์ไฟฟ้า ถ้าสปริงนี้เกิดล้า นอกจากทำให้ใบปัดไม่แนบชิดกับกระจกแล้ว ถ้าต้องเปลี่ยน ยังมีราคาที่สูงกว่าใบปัดหลายเท่า
วิธีเชคว่ายางปัดน้ำฝนว่าเสื่อมสภาพหรือยัง ไม่ได้ดูที่เนื้อยางว่าไม่ฉีกขาดเท่านั้น ต้องดูที่ความสามารถในการกวาดหยดน้ำที่ผิวกระจกว่าเกลี้ยงหรือไม่ด้วย ถ้าเอายางปัดน้ำฝนมาดูผ่านแว่นขยาย จะเห็นว่าตรง "คม" ของมันมีลักษณะเป็นมุมฉาก แต่ละมุมทำหน้าที่กวาดน้ำทางใดทางหนึ่งโดยเฉพาะ และจะลู่เอนเล็กน้อยขณะทำงาน มุมฉากนี้จะมีรูปทรงพิเศษ ซึ่งได้จากการวิจัยทดสอบกันมาหลายสิบปี ว่ากวาดน้ำได้เกลี้ยง ไม่ส่งเสียงดัง และมีอายุใช้งานนานเพียงพอ
สำหรับการใช้งานที่ถูกต้อง คือ ห้ามใช้งานขณะกระจกแห้งเด็ดขาด บางคนใช้ปัดฝุ่นจากกระจก ปัด 3-4 ทีคมของมันก็สึกจนหมดอายุแล้ว จำไว้เลยว่า ก่อนจะปัดใบปัดน้ำฝน ต้องฉีดน้ำใส่กระจกก่อนเสมอ !
ที่มา นิตยสาร ฟอร์มูลา / autoinfo.co.th